ชาวกรุงเทพฯ หลายคนคงรู้สึกได้ว่าอากาศในช่วงนี้ “ร้อนผิดปกติ” แม้อุณหภูมิจริงอาจอยู่ราว 34–36 องศาเซลเซียส แต่ความรู้สึกร้อนกลับพุ่งทะลุ 40 องศา ทำให้หลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสภาพอากาศของเมืองหลวงกันแน่

The Owls City จะพาไปสำรวจสาเหตุหลักของอากาศร้อนในกรุงเทพฯ ช่วงนี้ และเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์ที่ใหญ่กว่านั้นอย่าง “Urban Heat Island” และ “โลกร้อน” ที่กำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตคนเมืองอย่างไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป

🔥 สาเหตุที่ทำให้กรุงเทพฯ ร้อนจัดช่วงนี้
1. แสงแดดจ้าเพราะความกดอากาศสูง
ช่วงนี้ประเทศไทยอยู่ภายใต้อิทธิพลของมวลอากาศร้อนและระบบความกดอากาศสูง ทำให้เกิด “สภาวะฟ้าโปร่ง เมฆน้อย” แสงแดดสามารถส่องถึงพื้นผิวโดยตรงโดยไม่มีเมฆช่วยกรอง ส่งผลให้พื้นที่เมืองสะสมความร้อนได้เต็มที่
ลักษณะนี้เรียกว่า “clear sky heating” ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เมืองร้อนจัดโดยเฉพาะช่วงกลางวัน โดยเฉพาะเมื่อพื้นผิวเป็นคอนกรีตหรือยางมะตอยซึ่งดูดความร้อนมาก
2. ความชื้นสูง ทำให้รู้สึกร้อนกว่าอุณหภูมิจริง
แม้อุณหภูมิในเครื่องวัดอาจแสดงเพียง 35 องศาเซลเซียส แต่ค่าความชื้นสัมพัทธ์ที่สูง (เช่น 65–80%) ทำให้ร่างกายระบายความร้อนออกได้ยาก ส่งผลให้เกิดค่าที่เรียกว่า “Feels-like Temperature” หรือ “อุณหภูมิที่รู้สึกได้” พุ่งขึ้นถึง 40–43 องศา
ความร้อนจากแดดบวกกับความชื้นสูงเช่นนี้ เสี่ยงต่อการเกิด โรคลมแดด (Heat Stroke) ได้ง่าย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง

3. ปรากฏการณ์ “Urban Heat Island” (เมืองร้อน)
กรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียวน้อยมาก (เฉลี่ย 3.3 ตารางเมตรต่อคน) ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่แนะนำไว้ที่ 9 ตร.ม.ต่อคน ปรากฏการณ์เมืองร้อน (Urban Heat Island) จึงเกิดขึ้นอย่างรุนแรง
เมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูง ถนนคอนกรีต และการจราจรหนาแน่น ทำให้พื้นที่เมืองกักเก็บความร้อนไว้ในเวลากลางวัน และคายออกในเวลากลางคืน ส่งผลให้อุณหภูมิในเมืองสูงกว่าพื้นที่ชนบทโดยรอบได้มากถึง 5–8 องศา
ในบางพื้นที่อย่างสาทร ลาดพร้าว หรืออโศก อุณหภูมิอาจสูงกว่ารอบนอกถึง 3–4 องศาในช่วงเวลาเดียวกัน
4. ผลพวงของภาวะโลกร้อนและ El Niño
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะในปี 2566 ที่เกิดคลื่นความร้อน (Heatwave) ถี่และรุนแรงกว่าเดิม โดยมีสาเหตุจากทั้งภาวะโลกร้อนระยะยาว และปรากฏการณ์ El Niño ที่ทำให้ฤดูร้อนยาวนานและแล้งมากขึ้น
ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศไทยเพิ่มขึ้นเกือบ 1 องศาเซลเซียสในรอบ 50 ปี และแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป

🧭 แล้วเราจะปรับตัวอย่างไร?
เมื่อความร้อนกลายเป็น “เรื่องปกติ” โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ การปรับตัวจึงเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง
✅ ข้อแนะนำในการอยู่ร่วมกับอากาศร้อน:
- ดื่มน้ำบ่อย ๆ วันละ 2–3 ลิตร และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการออกกลางแจ้งช่วง 11.00–15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่รังสี UV สูงสุด
- ใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
- ใช้ร่ม หมวก หรือแว่นกันแดด เมื่อออกไปภายนอก
- พักในที่ร่ม หรือห้องที่มีอากาศถ่ายเทดี
- สังเกตอาการของตนเอง หากมีอาการหน้ามืด คลื่นไส้ ปวดศีรษะรุนแรง ให้หยุดพักทันที
🌱 ร่วมกันทำให้เมืองเราเย็นขึ้น
การรับมือกับอากาศร้อนไม่ควรเป็นภาระของแต่ละบุคคลเท่านั้น หน่วยงานของรัฐและท้องถิ่นสามารถร่วมกันวางแผนเพื่อลดความร้อนในเมืองอย่างยั่งยืน เช่น
- เพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้เข้าถึงได้ง่ายในทุกเขต
- ส่งเสริมหลังคาเขียว (Green Roof) และการออกแบบอาคารที่เป็นมิตรกับภูมิอากาศ
- ปรับผิวถนนให้สะท้อนความร้อนได้ดีขึ้น
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทนทานต่อสภาพอากาศสุดขั้ว
มาร่วมกันทำให้เมืองที่เราอยู่เย็นขึ้นด้วยกันนะ
#TheOwlsCity #Living #Heat #GreenRoof #EcoCity #MoreGreenSpace #ElNiño
#UV #Heatwave #UrbanHeatIsland #ClimateChange #ClearSkyHeating #HeatStroke

John Doe
Lorem ipsum dolor sit amet consectetur adipiscing elit dolor